“น้องหมากินอาหารเม็ดรสชาติเดิมๆ ทุกวันคงเบื่อแย่เลย แต่ถ้าเราทำอาหารให้น้องหมากินเอง ก็ไม่รู้ว่าจะได้สารอาหารครบหรือเปล่า?”
... คำถาม และความกังวลนี้คงเกิดขึ้นในใจของผู้เลี้ยงหลายๆ คน
ที่กลัวว่าการทำอาหารปรุงสุกให้น้องหมากินเองนั้น
น้องหมาอาจจะไม่ได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนเหมือนกับการให้อาหารเม็ดสำเร็จ
รูปใช่ไหมคะ?
...
จริงอยู่ที่การทำอาหารปรุงสุกให้น้องหมาเป็นเรื่องที่ต้องคิดคำนวณหลายขั้น
ตอน และควบคุมปริมาณอาหารได้ยาก
ทั้งต้องคำนวณหาปริมาณแคลอรี่ที่เหมาะสมของน้องหมาต่อวัน
ทั้งต้องตวงส่วนผสมในการทำอาหารแบบเป๊ะๆ
ซึ่งก็มีความยุ่งยากอยู่พอตัวเมื่อเปรียบเทียบกับการให้น้องหมากินอาหารเม็ด
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้เลี้ยงจะไม่สามารถทำได้ค่ะ
ผู้เลี้ยงอย่างเราๆ
ก็สามารถทำอาหารปรุงสุกให้น้องหมากินเองได้เหมือนกัน
เพียงแต่ว่าเราต้องใส่ใจ
และพิถีพิถันในการคิดคำนวณปริมาณแคลอรี่ที่เหมาะสมกับน้องหมาแต่ละตัวกันสัก
หน่อย เพื่อที่น้องหมาจะได้รับสารอาหารแบบครบถ้วน
ไม่มากหรือน้อยจนเกินไปค่ะ
ปริมาณอาหารเท่าไหร่ถึงเหมาะกับน้องหมา?
ก่อนที่ผู้เลี้ยงจะเริ่มทำอาหารปรุงสุกให้น้องหมาได้ลิ้มรสฝีมือ
ผู้เลี้ยงจำเป็นที่จะต้องคำนวณหาปริมาณอาหารที่เหมาะสมต่อวันของน้องหมากัน
ก่อน ซึ่งการคำนวณหาปริมาณอาหารที่เหมาะสมกับน้องหมาแต่ละตัวต่อวันนั้น
ผู้เลี้ยงต้องพิจารณาจาก 3 ส่วนหลักๆ ดังนี้ค่ะ
1.น้ำหนักตัว
2.ช่วงอายุ
3.สายพันธุ์และขนาด
โดยการคำนวณหาปริมาณอาหารที่เหมาะสมต่อวันของน้องหมาแต่ละตัว
ผู้เลี้ยงสามารถคำนวณตามหลักทฤษฎีของ Universityof California, Davis
campus School of Veterinary Medicine คือ เอา 132 x
(น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม) ^ 0.75
ก็จะได้เท่ากับปริมาณแคลอรี่ต่อวันของน้องหมาค่ะ
หรืออีกสูตรหนึ่งที่เมืองไทยนิยมนำมาคำนวณกันก็คือ RER (kcal) =
(30×น้ำหนักตัว (กก.)) + 70
โดยสูตรนี้จะได้แคลลอรี่มากกว่าสูตรแรกนิดหน่อยค่ะ
ทั้ง 2 วิธีนี้ที่กล่าวมาอาจจะดูสับสนไปหน่อย ปังปอนด์ก็เลยเอา
โปรแกรมการคำนวณหาปริมาณอาหารที่เหมาะสมต่อวันของน้องหมา
แบบง่ายๆ โดยคำนวณจากน้ำหนักตัวของน้องหมามาฝากค่ะ
เพียงแค่ผู้เลี้ยงเอาน้ำหนักตัวของน้องหมาไปกรอกลงในช่อง
แล้วเลือกเปลี่ยนหน่วยเป็น กิโลกรัม
โปรแกรมก็จำคำนวณปริมาณอาหารออกมาให้เสร็จสรรพเลยค่ะ ...
แค่คลิกเดียวก็รู้เรื่องว่าน้องหมาของผู้เลี้ยงต้องการปริมาณอาหารเท่าไหร่
ต่อวัน ไม่ยุ่งยากจริงๆ ค่ะ
เลือกวัตถุดิบให้มีคุณภาพ
เมื่อผู้เลี้ยงคำนวณหาปริมาณอาหารที่เหมาะสมต่อวันของน้องหมาได้แล้ว
สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ผู้เลี้ยงควรใส่ใจ และพิถีพิถันมากๆ ก็คือ
การเลือกวัตถุดิบที่จะนำมาปรุงอาหาร
ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักที่จะส่งผลโดยตรงกับสุขภาพของน้องหมา
หรือเรียกได้เลยว่า
สุขภาพน้องหมาจะดีหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับอาหารที่ผู้เลี้ยงคัดสรรมาปรุง
ให้น้องหมาค่ะ
เพราะฉะนั้น การเลือกวัตถุดิบ ผู้เลี้ยงจะต้องคำนึงถึงคุณภาพ
และประโยชน์ที่ครบหมวดหมู่ตามหลักโภชนาการสำหรับน้องหมาเป็นสำคัญ
ซึ่งประกอบด้วย น้ำ โปรตีน ไขมัน แร่ธาตุ วิตามิน ค่ะ
อย่างการเลือก เนื้อสัตว์ไม่ว่าจะเป็น เนื้อหมู เนื้อวัว เป็ด
หรือไก่ ผู้เลี้ยงควรเน้นวัตถุดิบประเภทโปรตีนเป็นหลัก
และหลีกเลี่ยงเนื้อส่วนที่มีไขมันสัตว์จำนวนมากมาปรุงอาหาร
เพราะการที่น้องหมาได้รับไขมันในปริมาณที่มากเกินไป
ไขมันอาจจะไปสะสมอยู่ในร่างกาย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้น้องหมาเกิดโรคต่างๆ
อย่างเช่น โรคอ้วน ได้ค่ะ ซึ่งผู้เลี้ยงสามารถดูได้จากบทความ
หยุด !! โรคอ้วนในสุนัข ด้วยหลักโภชนาการอาหารที่ถูกต้อง ค่ะ
อย่างเนื้อสัตว์ที่เหมาะนำมาปรุงอาหารให้น้องหมาก็ได้แก่
เนื้อวัวก็จะเป็นเนื้อช่วงสะโพก เนื้อหมูบริเวณหลัง เนื้อแกะเลือกส่วนขา
เนื้อไก่ตรงส่วนอกค่ะ
เพราะว่าเนื้อส่วนตรงนี้เป็นส่วนของเนื้อที่มีปริมาณไขมันแทรกอยู่ในเนื้อ
น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับส่วนอื่นๆ ของร่างกายสัตว์ค่ะ
ส่วนการเลือก ผัก หรือผลไม้ ก็เช่นเดียวกัน
ผู้เลี้ยงควรศึกษาว่าผักชนิดไหนมีประโยชน์ที่น้องหมาสามารถกินได้
หรือผักชนิดไหนที่เป็นอันตรายกับน้องหมาค่ะ อย่างเช่น แครอท
ช่วยให้สุนัขมีสุขภาพฟันที่ดีแข็งแรง ผักใบเขียว เช่น กะหล่ำปลี หรือผักโขม
มีวิตามินที่ดีต่อน้อหมา ส่วน ฟักทอง
ก็มีเส้นใยช่วยระบบย่อยอาหารที่ดีของน้องหมาค่ะ
แต่กลับกันกับผักและผลไม้บางชนิดอย่างเช่น อะโวคาโด
ผลไม้ที่ดีต่อมนุษย์แต่กลับเป็นเหมือนยาพิษสำหรับน้องหมาค่ะ ส่วน หัวหอม
และกระเทียม เมื่อสุนัขกินเข้าไปแล้ว จะทำให้เลือดจางได้ค่ะ
และหากน้องหมากินเข้าไปในประมาณมากๆ ก็อาจจะอันตรายถึงชีวิตได้เลยนะคะ
ซึ่งเพื่อนๆ ผู้เลี้ยงสามารถศึกษาได้จากบทความ
ผักและผลไม้ ที่มีคุณและโทษต่อสุนัข และบทความ
อาหารต้องห้ามสำหรับสุนัข ค่ะ
เมนูง่ายๆ ทำได้ทุกบ้าน

เอาหล่ะเมื่อผู้เลี้ยงคัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพกันได้แล้ว
ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนที่ผู้เลี้ยงจะได้โชว์ฝีมือการทำอาหารสุดพิเศษที่เพียบ
พร้อมไปด้วยคุณค่าให้น้องหมาแสนรักได้ลิ้มรสแล้วหล่ะ ... และในวันนี้ค่ะ
ปังปอนด์จะยกตัวอย่างการทำอาหารให้คาวบอยน้องหมาสุดหล่อสายพันธุ์ชิวาวาของ
ปังปอนด์แบบเป๊ะๆ โดยปังปอนด์จะคำนวณเพื่อหาปริมาณแคลอรี่ต่อวันจากสูตร
132 x (น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม) ^ 0.75= ปริมาณแคลอรี่ต่อวันของน้องหมา
132 x (นำหนักคาวบอย 2 kg) ^ 0.75 = 255 กิโลแคลอรี่/วัน
เมื่อได้ปริมาณปริมาณอาหารที่เหมาะสมต่อวันของคาวบอยซึ่งอยู่ที่ 255
กิโลแคลอรี่/วัน แล้วที่นี้เราก็มาลงมือทำอาหารสูตรพิเศษ เริ่มจากเมนูแรก
...
1.สตูหมู
ส่วนผสม
เนื้อหมูไม่ติดมัน 50 กรัม (55 กิโลแคลอรี่)
มันฝรั่ง ½ หัว (42 กิโลแคลอรี่)
ไข่ไก่ 1 ฟอง (71 กิโลแคลอรี่)
แครอท 1 หัว (30 กิโลแคลอรี่)
น้ำเปล่า
วิธีทำ
นำเนื้อหมูมาสับให้ละเอียด
คลุกเคล้ากับไข่ไก่จนรวมเป็นเนื้อเดียวกัน
จากนั้นสับแครอทและมันฝรั่งเป็นลูกเต๋าเล็กๆ จากนั้นนำหม้อตั้งไฟ
ใส่น้ำเปล่าลงไปในหม้อ รอจนน้ำเดือดแล้วใส่หมูที่เตรียมไว้ลงไป ใส่แครอท
และมันฝรั่งลงหม้อ รอจนแครอท และมันฝรั่งเริมนิ่มเพื่อน้องหมาจะได้กินง่าย
เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ
2.ไข่ตุ๋นตับไก่
ส่วนผสม
ไข่ไก่ 2 ฟอง (142 กิโลแคลอรี่)
ตับไก่ 25 กรัม ( 29 กิโลแคลอรี่)
แครอท 1/3 หัว ( 10 กิโลแคลอรี่)
ข้าวโพด 30 กรัม ( 17 กิโลแคลอรี่)
น้ำเปล่า 1 ถ้วย
วิธีทำ
ตีไข่ไก่ทั้ง 2 ฟองให้เข้ากัน จากนั้นผสมน้ำลงไปเล็กน้อย
หั่นตับไก่ให้เป็นชิ้นเล็กๆ หั่นแครอทเป็นลูกเต๋า หั่นข้าวโพดให้ละเอียด
นำตับไก่ แครอท และข้าวโพดที่หั่นเสร็จแล้วผสมลงในไข่ไก่ที่ตีไว้แล้ว
คนให้เข้ากัน จากนั้นเทใส่ภาชนะ นำไปนึ่งสัก 15 นาที
เป็นอันเสร็จพร้อมเสิร์ฟให้เจ้าตัวแสบจ้า ...
เพื่อนๆ หลายๆ คน
อาจจะสงสัยว่าทำไมปังปอนด์ถึงไม่ใส่พวกเครื่องปรุงรสลงไปในอาหารของน้องหมา
เลยใช่ไหมคะ นั่นก็เพราะว่า รสชาติสำหรับน้องหมาแล้วไม่สำคัญเท่ากลิ่นค่ะ
กลิ่นช่วยกระตุ้นความอยากอาหารได้ดีกว่า เพราะฉะนั้นการปรุงรสต่างๆ
จึงไม่มีความจำเป็น
อีกทั้งน้องหมาบางตัวยังมีโอกาสแพ้สารบางอย่างในสารปรุงรสด้วยค่ะ
ทางที่ดีผู้เลี้ยงมืออาชีพอย่างเราควรหลีกเลี่ยงเครื่องปรุงรสพวกนี้ไว้จะดี
กว่าค่ะ
และอีกหนึ่งข้อสำคัญที่ขอไฮไลท์ไว้ตัวโตๆ เลยก็คือ
ในการให้อาหารปรุงสุกกับน้องหมาในแต่ละครั้ง
ผู้เลี้ยงควรปรุงอาหารเป็นแบบมื้อต่อมื้อเพื่อคุณภาพ และเพื่อความสดใหม่
ให้อาหารปรุงสุกในปริมาณที่พอดีไม่มากหรือน้อยจนเกินไป
และไม่ควรวางอาหารปรุงสุกทิ้งไว้ให้น้องหมาตลอดทั้งวัน หรือค้างคืนไว้
เพราะอาหารน้องหมาจะบูด ซึ่งอาจทำให้น้องหมาท้องเสียได้
และทุกครั้งหลังให้อาหารน้องหมาเสร็จผู้เลี้ยงควรล้างถ้วยอาหารน้องหมาให้
สะอาดทุกครั้ง จะได้ป้องกันเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคได้ค่ะ
เป็นยังไงกันบ้างคะเพื่อนๆ
จริงๆ แล้วการทำอาหารปรุงสุกให้น้องหมาไม่ได้ยากเลยใช่มั้ยคะ
เพียงแค่ผู้เลี้ยงต้องใส่ใจบวกกับพิถีพิถันกันขึ้นมาอีกนิดเท่านั้นเองค่ะ
และเมื่อเพื่อนๆ ให้อาหารปรุงสุกกับน้องหมาแล้ว เพื่อนๆ
ก็อย่าลืมพาน้องหมาไปออกกำลังกายด้วยนะคะ
เพราะว่าร่างกายที่แข็งแรงมาจากการให้อาหารที่มีคุณภาพควบคู่ไปกับการออก
กำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อน้องหมาก็จะได้สุขภาพดีแบบฟิตแอนด์เฟิร์ม
น่ารักน่ากอดตลอดไปยังไงหล่ะคะ^^”
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
http://www.dogilike.com